วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


ทุกเรื่องล้วนมีเหตุปัจจัยให้ต้องเกิดขึ้นทั้งสิ้น

การที่เราอยู่ในยุคสื่อออนไลน์ครองโลกขณะนี้ เราเสพสื่อทางสายตามากกว่าข้าวปลาอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวัน พฤติกรรมเคยชินเหล่านี้ ได้บ่มเพาะนิสัยชนิดหนึ่ง  นั่นคือมักตัดสินถูก หรือผิดกันที่ปลายเหตุ แค่เพียงการดูภาพถ่าย หรือคลิปวีดีโอสั้นๆ  ที่ถูกนำเสนออย่างเสรี ในพื้นที่สาธารณะ

ลองอ่านบทความเรียบๆ สำนวนไม่ฉูดฉาดอะไร  แต่เชื่อว่าคุณจะได้อะไรมากว่าความรู้ นั่นคือทักษะการวิเคราะห์เหตุการณ์ ด้วยความเข้าใจที่เป็นกลางๆ

ค่อยๆ ตามเหตุไปหาผลกัน ทีละบรรทัดนะครับ

 

ประเทศไทยมี 3 สถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

สถาบันชาติอยู่ได้ด้วยระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจ

สถาบันศาสนาอยู่ได้ด้วยศรัทธาของชาวพุทธ

 สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจงรักภักดีของประชาชน

ปี 2557 ระบบการเมืองพัง

 ปี 2558 ระบบเศรษฐกิจพัง

 ปี 2559 คนกลุ่มเดิมกำลังจะพังพระพุทธศาสนา

 




1) ปัญหาการเมือง เกิดจาก

 การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญบ่อยเกินไป

 จนทำให้อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ อำนาจนิติบัญญัติ

 เกิดการขัดแย้งกันเอง จนกระทั่งไม่สามารถบริหารประเทศได้

 

2) เศรษฐกิจประกอบด้วย 4 ส่วนหลักคือ

 การเกษตร การอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว

 และสถาบันการเงิน

 
ปัญหาของภาคการเกษตรคือ

 ผลผลิตออกมาแล้วขายไม่ได้ ราคาตกลงไปเรื่อยๆ

 

ปัญหาของภาคอุตสาหกรรมคือ

 ผลิตสินค้าออกมาแล้วขายไม่ออก ไม่มีตลาดต่างประเทศ

 

ปัญหาของภาคการท่องเที่ยวคือ

 นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมาเมืองไทยน้อยลง

 สายการบินไทยหลายสายมีปัญหาด้านการบริการที่ไม่ประทับใจ

 ภาพลักษณ์ติดลบของประเทศไทย

 ที่เป็นดินแดนอาชญากรรมในสายตานักท่องเที่ยว


ปัญหาของสถาบันการเงินคือ

 หนี้เสียทั้งในระบบและนอกระบบ

 เกิดระบบการทวงหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบตามมามากมาย

 บรรยากาศการลงทุนมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนสูง





3) ปัญหาของพระพุทธศาสนา คือ

 มีกลุ่มคนพยายามล้มสถาบันสงฆ์อย่างเป็นขั้นตอน

 ตัวอย่างเช่น

3.1) มีการใช้กฎหมายจาบจ้วงพระธรรมวินัยเพื่อรื้อฟื้นคดีสงฆ์ที่จบไปแล้ว

3.2) มีการเสนอร่างกฎหมายใหม่เพื่อยึดทรัพย์สินที่ดิน

 ของสงฆ์และพระพุทธศาสนาไว้ในการดูแลของคนบางกลุ่ม

3.3) มีการใช้กฎหมายฟอกเงินและข้อหารับของโจร

 กับการทำบุญหรือการบริจาคในพระพุทธศาสนา

3.4) มีกลุ่มคนพยายามใช้กฎหมายบีบบังคับ

 ให้มหาเถรสมาคมทำผิดพระธรรมวินัย


3.5) มีการพยายามใช้กฎหมายเอาผิดมหาเถรสมาคม

 เพื่อชงเรื่องเข้าสู่กระบวนการกฎหมายด้วยข้อหาหนัก

 คือเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 ซึ่งเป็นข้อหาที่กลั่นแกล้งกันได้ง่าย ประกันตัวได้ยาก

 และมักลงท้ายด้วยการจับสึกหรือจับติดคุกก่อนศาลจะตัดสิน

 

ประเทศชาติอยู่ได้ด้วยประชาชน
ถ้าไม่มีประชาชนก็ไม่มีประเทศ
 

พระพุทธศาสนาอยู่ได้ด้วยสังฆมณฑล
 ถ้าไม่มีมหาเถรสมาคม ก็ไม่มีสังฆมณฑล
 ก็ไม่มีพระพุทธศาสนา

 

ถ้าหากพระพุทธศาสนาถูกทำลายลงอีก

 ก็เท่ากับว่าสถาบันหลักของประเทศถูกทำลาย

 ความหวังที่จะฟื้นฟูระบบการเมือง

 และระบบเศรษฐกิจก็เป็นอันจบสิ้น

 นี่คือเหตุผลที่ทำไมพระท่านถึงต้องมาประชุมหารือกัน

 ในหัวข้อ "สกัดแผนล้มพระพุทธศาสนา" ที่พุทธมณฑล

 ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙

Cr. https://www.facebook.com/tchinungkuro

ปล. เป็นความคิดเห็นส่วนตัว

--------------------------------------------------------------------

เราสามารถคูลดาวน์ อารมณ์กรุ่นๆ ยามเจอสถานการณ์เกรียนๆ ได้ไม่ยากหากตั้งสติแล้วค่อยๆ คิดสาวเหตุไปหาผล คิดให้มีหลัก หัวใจหนักแน่น ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ในการช่วยพระศาสนาแนวประเทืองปัญญาได้ดีเหมือนกันครับ

1 ความคิดเห็น: